วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บันทึกการเข้าเรียน

บันทึกครั้งที่3
วันอังคาร ที่ 19 พฤศจิกายน 2556
 
    เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย หมายถึง เด็กที่มีลำตัว แขน หรือขาผิดปกติทำให้เด็กไม่อาจเรียนในสภาพแวดล้อมกับเด็กปกติได้ จึงมีความจำเป็นต้องจัดสภาพแวดล้อมใหม่ให้สอดคล้องกับความสามารถและความต้องการของเด็กประเภทนี้ ซึ่งอาจรวมไปถึงเด็กเจ็บป่วยเรื้อรังที่ต้องการเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเป็นเวลานานติดต่อกัน

ลักษณะเด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย

1. ความบกพร่องที่เกิดจากกล้ามเนื้อและกระดูก
Cerebral Palsy อัมพาตทางสมอง (เรียกชื่อย่อว่า ซี พี) โรคนี้จะไม่ทำให้ร่างกายมีสภาพเสื่อมลง แต่กล้ามเนื้ออาจเสื่อมลงได้หากไม่ได้รับการพัฒนาทันเวลา อัมพาตทางสมองมักเกิดกับทารกระหว่างคลอด เช่นการคลอดก่อนกำหนดขาดออกซิเจนระหว่างคลอด เด็กประเภทนี้มีปัญหาในการเคลื่อนไหวแตกต่างกัน หากจำแนกโดยลักษณะการเคลื่อนไหว
สามารถจำแนกได้ 4 ประเภท คือ
1. Spasticity กล้ามเนื้อจะเกร็งแน่น ไม่สามารถหดได้เหมือนกล้ามเนื้อปกติ จึงมีลักษณะแข็งทื่อ
2. Athelosis กล้ามเนื้อจะยืดหดอย่างไม่เป็นระบบระเบียบทำให้ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อได้ หากเด็กมีความเก็บกดทาง
อารมณ์ หรือเมื่อเวลาตื่นเต้นกล้ามเนื้อจะยิ่งผิดปกติมากขึ้น
3. Ataxia กล้ามเนื้อไม่ประสานกัน ทำให้เด็กควบคุมความสมดุลไม่ได้ ทำให้โซเซและหกล้มได้ง่าย
4. Mixed เป็นการผสมผสานลักษณะทั้ง 3 อย่างที่กล่าวมาแล้ว ดังนั้นเด็กคนเดียวอาจมีลักษณะทุกอย่างที่กล่าวมาแล้ว

Muxcular Dystrophy กล้ามเนื้ออ่อนแรง ที่พบได้บ่อยเรียกชื่อว่า Dechenne ซึ่งปรากฏให้เห็นชัดเมื่อเด็กอายุประมาณ 3 ขวบ กล้ามเนื้อที่ติดอยู่กับกระดูกจะอ่อนแอ สังเกตได้จากการเคลื่อนไหวของเด็ก เด็กไม่มีกำลังพอที่จะวิ่งได้ มีปัญหาในการปีนป่ายบันได เด็กที่เป็นโรคนี้จะเหนื่อยง่าย เด็กที่สามารถเดินได้อาจต้องใช้รถเข็น หากต้องเดินในระยะไกลขึ้น เด็กประเภทนี้หกล้มง่ายเด็กต้องการได้รับการบำบัดรักษา เพื่อถ่วงเวลาการหดตัวของกล้ามเนื้อ เด็กอาจเสียชีวิตในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย เด็กประเภทนี้อาจมีปัญญาอ่อนร่วมด้วย

Spina Bifida ความผิดปกติของกระดูกไขสันหลัง ซึ่งทำให้เส้นประสาทสำคัญถูกทำลายไปบางส่วน จึงทำให้เส้นประสาททำงานผิดปกติไปด้วย ผลที่ตามมาอาจมีหลายลักษณะที่พบบ่อย ๆ ได้แก่ ความผิดปกติของท่อปัสสาวะ ความผิดปกติของใบหน้าและลำตัว เด็กประเภทนี้ต้องได้รับการรักษาเยียวยาจากแพทย์อย่างสม่ำเสมอต้องได้รับ การกายภาพบำบัด เพื่อให้ทรงตัวได้จะต้องใช้ไม้ค้ำยัน และสายรัดในเวลาเดินหรือใช้รถเข็น

Spinal Cord Injury การได้รับบาดเจ็บกระดูกไขสันหลัง มีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวและมีปัญหาที่ตามมาอีก ได้แก่ การติดเชื้อที่ท่อปัสสาวะ การติดเชื้อที่ระบบการหายใจ การฟื้นฟูสมรรถภาพต้องใช้เวลานาน แต่จำเป็นต้องทำเพื่อ ให้เด็กใช้อวัยวะที่บกพร่องได้บ้างโดยใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เข้ามาช่วย เช่น รถเข็นสำหรับการเคลื่อนไหว ใช้เครื่องพิมพ์ดีด

Osteogenesis Imperfeca เป็นความผิดปกติของกระดูก กระดูกไม่สมบูรณ์และหักง่าย เด็กอาจมีลักษณะ เตี้ยแคระ และมีความผิดปกของฟันควบคู่ไปด้วย การได้ยินเป็นปัญหาของเด็กประเภทนี้ กล่าวคือการได้ยินจะเสื่อม ลง เด็กต้องได้รับการรักษาจากแพทย์

Legg – Calve – Disease ความผิดตกของขาท่อนบน เด็กที่เป็นโรคนี้มักเคลื่อนไหวไม่สะดวก โรคนี้ไม่ทราบสาเหตุ เด็กอาจมีอาการดีขึ้นหลังจากได้รับการรักษาติดต่อกันเป็นเวลา 1 – 2 ปี

Limb Deficiency แขนขาด้วน อาจเป็นความบกพร่องที่มีมาตั้งแต่กำเนิด การฟื้นฟูควรให้มีการใช้แขนขาเทียมอย่างมีประสิทธิภาพ
2. ความบกพร่องทางสุขภาพ

Asthma เป็นโรคปอดอย่างหนึ่ง และพบบ่อยในเด็ก อาการที่ปรากฏชัด ได้แก่ ระบบหายใจอักเสบ ทำให้เด็กหายใจลำบาก
Eqilepsy เป็นโรคลมชัก เกิดจากเซลล์ประสาทในสมองได้รับการกระตุ้นมากเกินไป
อาจจำแนกออกได้ 2 ลักษณะ คือ
1. ชักแบบ Generalized Seizures เด็กจะหมดสติ ร่างกายทุกส่วนสั่น และเกร็ง อาจมีน้ำลายไหลออกมาทางปาก
2. ชักแบบบางส่วน (Partial Seizures) เด็กอาจหมดสติชั่วระยะเวลาอันสั้น แต่เด็กไม่ได้มีอาการชัก
Hemophilia มักเกิดกับเด็กผู้ชาย หากเด็กได้รับบาดแผลเลือดจะไหลไม่หยุดง่าย ๆ

เด็กที่มีความบกพร่องทางด้านการพูดและภาษา
เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องทางด้านการพูดทั้งในเรื่องการเข้าใจภาษาที่คนอื่นพูดและพูดให้คนอื่นเข้าใจ เป็นอุปสรรคสำคัญยิ่งต่อการรับรู้และเรียนรู้พัฒนาทักษะทุกๆ ด้าน
ความบกพร่องทางการพูดและภาษาแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1. กลุ่มที่พัฒนาภาษาและการพูดล่าช้าหรือไม่สมวัย ได้แก่
- เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
- เด็กสมองพิการ
- เด็กที่มีปัญหาทางอารมณ์
- เด็กเชาว์ปัญญาต่ำ
- เด็กที่ขาดกรกระตุ้นการพัฒนาภาษาและการรพูดจากครอบครัวและสิ่งแวดล้อม
2. กลุ่มเด็กอะเฟเซีย ( aphasis )
เป็นส่วนอาการที่แสดงถึงความบกพร่องทางภาษา อันเกิดจากสมาธิสภาพของสมองส่วนที่ควบคุมภาษาทำให้มีปัญหาทางภาษาอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างร่วมกัน แบ่งออกเป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ คือ
2.1 อะเฟเซียชนิดมีปัญหาทางด้านการรับรู้ทางภาษาเป็นปัญหานำ
2.2 อะเฟเซียชนิดมีปัญหาทางด้านการแสดงออกทางภาษาเป็นปัญหานำ
2.3 อะเฟเซียชนิดมีปัญหาในการนึกคำพูด
2.4 อะเฟเซียชนิดมีปัญหาทางด้านการรับรู้ทางภาษาและการแสดงออกททางภาษา
การให้ความช่วยเหลือและแก้ปัญหาทางการพูด
การให้ความช่วยเหลือหรือการแก้ไขความบกพร่องทางการพูดและภาษาจะมีความแตกต่างกันไปตามสาเหตุและความรุนแรงของปัญหา หลังจากที่พบความบกพร่องแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องส่งเด็กไปพบผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาที่เกี่ยวข้องดังนี้
1. เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน ควรพบกับ
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทาง หู คอ จมูก
- นักแก้ไขการพูด
- นักโสตสัมผัสวิทยา
- นักการศึกษาพิเศษ
2. เด็กสมองพิการ ควรพบกับ
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางประสาทสัมผัสวิทยา
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางกายภาพบำบัด
- นักแก้ไขการพูด
- นักกายภาพบำบัด
- นักการศึกษาพิเศษ
3. เด็กออทิสติก ควรพบกับ
- จิตแพทย์เด็ก
- นักแก้ไขการพูด
- นักกายภาพบำบัด
- นักการศึกษาพิเศษ
4. เด็กเชาว์ปัญญาต่ำ ควรพบกับ
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาการเด็ก
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางกายภาพบำบัด
- นักแก้ไขการพูด
- นักกายภาพบำบัด
- นักการศึกษาพิเศษ
5. เด็กที่ขาดกรกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม ควรพบกับ
- นักแก้ไขการพูด
- นักการศึกษาพิเศษ
แนวทางและฟื้นฟูสมรรถภาพเด็กบกพร่องทางภาษาและการพูด
1. การสื่อความหมาย
1.1 การสื่อความหายโดยใช้ท่าทางหรือภาษามือ
ข้อดี
- เรียนรู้ได้ง่าย สื่อสารไดด้รวดเร็ว
- สามารถเรียนรู้ได้ตลอดเวลา
- เริ่มเรียนเมื่อไหร่ก็ได้
ข้อจำกัด
- ภาษามือจะเป็นที่รู้จักเฉพาะในสังคมคนที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
- การสื่อความหมายโดยใช้ภาษมือมีความจำกัดเฉพาะลักษณะของภาษามือมักเป็น code หรือสัญลักษณ์ ไม่สามารถสื่อความหมายได้ละเอียดเหมือนภาษาพูด
- ไม่มีลูกเล่นทางภาษา เช่น คำเปรียบเทียบ อุปมา – อุปมัย คำพังเพย เป็นต้น
- ผู้ที่สื่อความหมายโดยใช้ภาษามือจะมีโอกาสเลือกทางการศึกษาและประกอบอาชีพได้น้อยกว่าผู้ที่ใช้ภาษาพูด
1.2 การสื่อความหายโดยใช้การฟังหรือภาษาพูด
ข้อจำกัด
- การฝึกสอนให้เด็กที่มีความบกพร่องทางการพูดหัดออกเสียงพูดจะต้องเริ่มการกระทำตั้งแต่อายุน้อยๆ
- การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการฟังและการพูดจะต้องอาศัยความพยายามอย่างมาก จะต้องทำการฝึก
อย่างถูกต้องและต่อเนื่อง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น