วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บันทึกการเข้าเรียน

บันทีกครั้งที่ 1
วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน 2556
-อาจารย์แจก(Course Syllabus)
-อารย์อธิบายและตกลงเกี่ยวกับเกรณ์การให้คะแนนดังนี้
           จิตพิสัย  10 คะแนน
           งานเดี่ยว 10 คะแนน
           งานกลุ่ม  20 คะแนน
           การบันทึกอนุทิน 20 คะแนน
           ทดสอบระหว่างภาค 15 คะแนน
           สอบปลายภาค 15 คะแนน
-งานใหญ่ที่ต้องส่งคือ
           ประเภทของเด็กพิเศษ(งานกลุ่ม)
           งานวิจัยที่เกี่ยวกับเด็กพิเศษ(งานเดี่ยว)
-อาจาร์ยให้นักศึกษาทำMind Mapping เกี่ยวกับเด็กพิเศษที่นักศึกษารู้จัก
-จากนั้นให้นักศึกษา2คนออกไปสรุปหน้าชั้นเรียน



เพิ่มเติม
เด็กพิเศษ


        เมื่อพูดถึง “เด็กพิเศษ” (Special Child) หลายคนก็มักจะนึกถึงเด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือมีพัฒนาการบกพร่อง แต่จริงๆ แล้วคำว่าเด็กพิเศษนั้นครอบคลุมไปมากกว่านั้นค่ะ
“เด็กพิเศษ” (Special Child) มาจากคำเต็มๆ ว่า “เด็กที่มีความต้องการพิเศษ” (Child with Special Needs) หมายถึง  เด็กกลุ่มที่จำเป็นต้องได้รับการดูแลช่วยเหลือเป็นพิเศษมากกว่าเด็กทั่วๆ ไป ทั้งในด้าน การใช้ชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ และการเข้าสังคม ซึ่ง นพ.ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา (จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น) ได้แบ่งเด็กพิเศษออกเป็น3 กลุ่มหลักๆ ดังนี้
1) เด็กที่มีความสามารถพิเศษ: เนื่องจากคนในสังคมมักคิดว่าเด็กเหล่านี้เป็นเด็กเก่ง เด็กกลุ่มนี้จึงมักไม่ค่อยได้รับการดูแลและช่วยเหลืออย่างจริงจัง ในทางตรงกันข้าม หลายๆ ครอบครัวกลับไปเพิ่มความกดดันให้กับเด็กมากยิ่งขึ้น เพราะมีความคาดหวังมากกว่าเด็กปกติทั่วไป นอกจากนี้วิธีการเรียนรู้ในแบบปกติทั่วไปก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการในการเรียนรู้ของเด็กกลุ่มนี้ได้ มักทำให้เด็กเกิดความเบื่อหน่ายและอาจทำให้ไม่สสามารถแสดงความสามารถพิเศษที่มีอยู่ได้อย่างเต็มศักยภาพ เด็กที่มีความสามารถพิเศษสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มย่อย ดังนี้
• เด็กที่มีระดับสติปัญญาสูง คือ กลุ่มเด็กที่มีระดับสติปัญญา (IQ) ตั้งแต่ 130 ขึ้นไป
• เด็กที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะด้าน เด็กเหล่านี้อาจไม่ใช่เด็กที่มีระดับสติปัญญาสูง แต่จะมีความสามารถพิเศษเฉพาะด้าน ที่โดดเด่นกว่าคนอื่นในวัยเดียวกัน เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การใช้ภาษา ศิลปะดนตรี กีฬา การแสดง ฯลฯ
• เด็กที่มีความคิดสร้างสรรค์
2) เด็กที่มีความบกพร่อง: ในต่างประเทศได้มีการแบ่งแยกย่อยไปหลายแบบ ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการของไทยได้แบ่งออกเป็น 9 กลุ่มย่อย ดังนี้
• เด็กที่มีความบกพร่องทางการมองเห็น
• เด็กที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน
• เด็กที่มีความบกพร่องทางการสื่อสาร
• เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกายและการเคลื่อนไหว
• เด็กที่มีความบกพร่องทางอารมณ์และพฤติกรรม
• เด็กที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา (Intellectual Disabilities)
• เด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ (Learning Disabilities)
• เด็กออทิสติก (รวมถึงความบกพร่องของพัฒนาการแบบรอบด้านอื่นๆ - PDDs)
• เด็กที่มีความพิการซ้อน
3) เด็กยากจนและด้อยโอกาส: คือเด็กที่อยู่ในครอบครัวที่มีฐานะยากจน ขาดแคลนปัจจัยที่จำเป็นในการเจริญเติบโตและการเรียนรู้ของเด็ก และยังรวมไปถึงกลุ่มเด็กที่ขาดโอกาสทางการศึกษาจากสาเหตุอื่นๆ อีกด้วย เช่น เด็กเร่ร่อน เด็กถูกใช้แรงงาน เด็กต่างด้าว ฯลฯ
       ทั้งนี้ เด็กในกลุ่มต่างๆที่กล่าวถึงนี้ ควรได้รับการดูแลเพิ่มเติมด้วยวิธีการพิเศษซึ่งต่างไปจากวิธีการตามปกติ เพื่อให้พวกเค้าสามารถพัฒนาศักยภาพที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่ เพื่อให้มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี มีโอกาสทางการศึกษาที่เท่าเทียม รวมทั้งได้รับการยอมรับและใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขค่ะ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น