วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

บันทึกการเข้าเรียน

บันทึกครั้งที่2
วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน 2556
-วันนี้อาจารย์สอนความหมายของเด็กพิเศษ
-แบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 12 คน จับฉลากทำงานเกี่ยวกับประเภทของเด็กพิเศษแล้วนำเสนอก่อนสอบกลางภาค
เด็กที่มีความต้องการพเศษ
1.ทางการแพทย์ เรียก "เด็กพิการ"
2.ทางการศึกษา เรียก "เด็กที่มีความต้องการทางการศึกษาเฉพาะตัวเอง ซึ่งจำเป็นต้องจัดการศึกษาให้ต่างจากเด็กปกติ"
สรุปความหมาย
-เด็กที่ไม่สามารถพัฒนาความสามารถไม่เท่าที่ควรจาการให้การช่วยเหลือ
-มีสาเหตุมาจากความบกพร่องทางด้านร่างกาย  สติปัญญา และอารมณ์
-จำเป็นต้องได้รับการกระตุ้น ช่วยเหลือ บำบัด ฟื้นฟู
-จัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับลักษณะและความต้องการของเด็กแต่ละคน
ประเภทของเด็กพิเศษแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆคือ
1.เด็กที่มีลักษณะความสามรถพิเศษสูง มีความสามรถทางสติปัญญาเรียกโดยทั่วไปว่า"เด็กปัญญาเลิส"
2.กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความบกพร่องซึ่งแบ่งออกเป็น 9 ประเภท
   2.1เด็กบกพร่องทางสติปัญญา หมายถึง เด็กที่มีระดับสติปัญญาหรือเชาว์ปัญญาต่ำกว่าเกรณ์เฉลี่เมื่อเทียบเด็กในระดับเดียวกัน มีอยู่ 2 กลุ่มคือ
          เด็กเรียนรู้ช้า
          เด็กปัญญาอ่อน
***หาเพิ่ม
   เด็กเรียนช้า หมายถึง เด็กที่มีความสามารถในการเรียนล่าช้ากว่าเด็กปกติ จัดเป็นพวกขาดทักษะในการเรียนรู้ หรือมีความบกพร่องทางสติปัญญาเพียงเล็กน้อย เด็กเหล่านี้จะมีระดับสติปัญญา (IQ) ประมาณ 71-90
   เด็กปัญญาอ่อน หมายถึง เด็กที่มีภาวะพัฒนาการของจิตใจหยุดชะงัก หรือเจริญไม่เต็มที่ ซึ่งแสดงลักษณะเฉพาะ คือ มีระดับสติปัญญาต่า มีความสามารถในการเรียนรู้น้อย มีพัฒนาการทางกายล่าช้าไม่เหมาะสมกับวัย มีความสามารถจากัดในการปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อม และสังคม เด็กปัญญาอ่อนแบ่งตามระดับสติปัญญา (IQ)
  2.2เด็กที่บกพร่องทางการได้ยิน ผู้ที่มีความบกพร่อง หรือสูญเสียการได้ยิน เป็นเหตุให้การรับฟังเสียงต่าง ๆ ได้ไม่ชัดเจน มี 2 ประเภท
     เด็กหูตึง หมายถึง ผู้ที่สูญเสียการได้ยินถึงขนาดที่ทาให้มีความยากลาบากจนไม่สามารถเข้าใจคาพูด และการสนทนา แต่ไม่ถึงกับหมดโอกาสที่จะเข้าใจภาษาพูดจากการได้ยินด้วยหูเพียงอย่างเดียว โดยไม่มี หรือมีเครื่องช่วยฟัง
       -หูตึงระดับน้อย 20-40 dB เสียงกระซิบ
       -หูตึงปานกลาง 41-55 dB เสียงพูดคุยในระดับปกติ
       -หูตึงระดับมาก 56-70 dB
       -หูตึงแรง71-90 dB เสียงเครื่องบิน
      เด็กหูหนวก หมายถึง เด็กที่สูญเสียการได้ยินมากถึงขนาดที่ทาให้หมดโอกาสที่จะเข้าใจภาษาพูดจากการได้ยินด้วยหูเพียงอย่างเดียว โดยไม่มี หรือมีเครื่องช่วยฟังจนเป็นเหตุให้ไม่สามารถเข้าใจหรือใช้ภาษาพูดได้ หากไม่ได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษ ถ้าวัดระดับการได้ยินแล้วจะมีการได้ยินตั้งแต่ 91 เดซิเบล (dB)
2.3เด็กที่บกพร่องทางการมองเห็น หมายถึง ผู้ที่มองไม่เห็น หรือพอเห็นแสง เห็นเลือนลาง และมีความบกพร่องทางสายตาทั้งสองข้าง โดยมีความสามารถในการเห็นได้ไม่ถึง 1/10 ของคนสายตาปกติ หลังจากที่ได้รับการรักษาและแก้ไขทางการแพทย์แล้ว หรือมีลานสายตากว้างไม่เกิน 30 องศา เด็กบกพร่องทางการเห็นจาแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ
      เด็กตาบอด หมายถึง เด็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้เลย หรืออาจมองเห็นบ้างไม่มากนัก ไม่สามารถใช้สายตา หรือไม่มีการใช้สายตาให้เป็นประโยชน์ในการเรียนการสอน หรือการทากิจกรรมได้แต่จะต้องใช้ประสาทสัมผัสอื่นแทนในการเรียนรู้ และหากมีการทดสอบสายตาเด็กประเภทนี้จะพบว่า มีสายตาข้างดีสามารถมองเห็นได้ในระยะ 20/200 หรือน้อยกว่านั้น และมีลานสายตาโดยเฉลี่ยอย่างสูงสุดจะแคบกว่า 5 องศา
      เด็กตาบอดไม่สนิท หรือบอดบางส่วน สายตาเลือนลาง หมายถึง เด็กที่มีความบกพร่องทางสายตา สามารถมองเห็นบ้างแต่ไม่เท่ากับเด็กปกติ เมื่อทดสอบสายตาเด็กประเภทนี้จะมีสายตาข้างดีสามารถมองเห็นได้ในระยะ 20/60 หรือน้อยกว่านั้น และมีลานสายตาโดยเฉลี่ยอย่างสูงสุดจะกว้างสูงสุดจะกว้างไม่เกิน 30 องศา
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น